ไม่ได้มีแต่การงดอาหารเท่านั้นที่ช่วยให้คุณผอมได้ แต่เคล็ดลับการกินดีๆ ก็ทำให้คุณมีหุ่นสุดเป๊ะได้เหมือนกัน การขจัดไขมันส่วนเกินด้วยอาหารการกินที่เราแนะนำต่อไปนี้ คือ ขั้นตอนแรกที่จะทำให้คุณมีรูปร่างดีดังใจฝัน มากินๆๆ เพื่อความผอมเพรียวไม่เลิกรากันเถอะค่ะ

1. ดื่มน้ำผสมน้ำส้มสายชูหมัก เช่น แอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเปล่า กรดน้ำส้มจะช่วยลดความสามารถในการสะสมไขมันของร่างกาย (Journal of Agricultural and Food Chemistry)

2. ทานส้มเป็นอาหารว่าง เพราะผลไม้ตระกูลส้มอุดมไปด้วยวิตามินซีที่จะช่วยลดระดับอินซูลินได้

3. กินอาหารว่างให้เป็นเวลา อย่ากินอาหารว่างระหว่างเวลา 10.30-11.30 เพราะอัตราการเผาผลาญจะสูงขึ้นในช่วงเวลานี้ ร่างกายจะได้เผาผลาญไขมันที่สะสมไว้อย่างเต็มที่

4. ห้ามงดคาร์โบไฮเดรต ถ้าอยากจะลดน้ำหนักคุณก็ควรจะบริโภคคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างข้าวกล้อง ที่จะช่วยดูดซับไขมันและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ จะได้ไม่หิวบ่อยจนเกินไป

5. กินแอปเปิ้ล 1 ผล ซึ่งมีแค่ 70 แคลอรี ก่อนอาหารมื้อใหญ่ที่สุดของวัน จะทำให้คุณบริโภคในปริมาณ(แคลอรี) ที่น้อยลงถึง 15% (มหาวิทยาลัยไอโอวา)

6. หากกินของดอง อย่างแตงกวาดอง หรือมิโซะ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ คุณจะลดไขมันหน้าท้องได้ถึง 5%

7. อย่ามองข้ามโหระพา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล และป้องกันการสะสมไขมันรอบเอวได้ (The Journal of Natural Products)

8. ผักโขม นอกจากจะอุดมไปด้วยกากใยอาหารที่ทำให้ร่างกายย่อยสลายไขมันได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยระงับความอยากอาหารได้ เชื่อกันว่าไทลาคอยด์ ซึ่งเป็นสารประกอบในผักโขมจะช่วยชะลอการย่อยไขมันอีกด้วย

9. เหยาะพริกไทยในอาหารที่กิน พิเพอรีน ซึ่งเป็นสารประกอบในพริกไทย สามารถช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์ไขมันใหม่ๆ ได้

10. โปรตีนในถั่วแระญี่ปุ่น...ช่วยควบคุมไขมันในกระแสเลือด ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และอาจมีประสิทธิภาพพอๆ กับยาลดไขมันกลุ่มสแตตินเลยทีเดียว ถั่วแระแค่วันละ 1 กำมือก็ช่วยได้แล้วล่ะ

11. อย่ากลัวเผ็ด ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยโรดไอแลนด์ชี้ว่า อาหารเผ็ดๆ จะทำให้คุณกินช้าลงและรับสัญญาณความอิ่มจากกระเพาะได้ทัน ก่อนที่จะสวาปามเข้าไปมากเกิน แถมแคปไซซินจะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเอพิเนฟริน ซึ่งทำให้ร่างกายย่อยสลายไขมันได้ดีขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะในมื้อเช้า

12. เรามักเข้าใจผิดว่าความกระหายน้ำคือความหิว แต่ถ้าคุณกินแตงโมก็จะสนองทั้งความกระหายน้ำและความหิวได้ แถมยังส่งผลกระทบต่อปริมาณแคลอรีโดยรวมน้อยที่สุด

13. ถ้าอยากให้ร่างกายเพิ่มปริมาณการผลิตฮอร์โมนอะดิโพเนคตินซึ่งช่วยเผาผลาญไขมัน คุณต้องกินเบอร์รีสักวันละ 1 กำมือ (มหาวิทยาลัยโตเกียว) และการกินเบอร์รี่อย่างสตรอว์เบอร์รีสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ยังลดโอกาสในการกลายเป็นคนอ้วน เพราะฟลาโวนอยด์ในผลไม้สีแดงชนิดนี้ จะทำให้หลอดเลือดแดงขยายตัวจึงช่วยขจัดไขมันที่สะสมได้

14. การกินอาหารแต่ละมื้อพร้อมเกรปฟรุตครึ่งลูกนาน 12 สัปดาห์ ทำให้ผู้เข้าร่วมทดลองลดน้ำหนักได้ไม่ต่ำกว่า 1.6 กิโลกรัม Nutrition and Metabolic Research Center at Scrips

15. เพิ่มโปรตีน มหาวิทยาลัยมาสทริชต์ชี้ว่า การเพิ่มปริมาณการบริโภคโปรตีนในสัปดาห์ที่ 4 ให้สูงกว่าสัปดาห์แรกๆ ของการควบคุมอาหารอีก 30% จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญและทำให้คุณลดน้ำหนัก 1-2 กก. สุดท้ายได้สำเร็จ

16. กินขนมแต่เช้า เพราะการกินของหวานๆ ในช่วงเช้าจะช่วยระงับความอยากกินในช่วงหลังๆ ของวันได้

17.  ถ้าคุณเคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาลหลังอาหาร...จะช่วยระงับความอยากกินอาหารว่างได้นานถึง 3 ชั่วโมง

18. กินทับทิม ผลวิจัยในวารสาร Endocrine Abstracts ชี้ว่า ทับทิมคือผลไม้ที่ช่วยขจัดไขมันได้ดีเป็นพิเศษ นอกจากน้ำทับทิมจะช่วยให้ผิวพรรณสดใสแล้ว เมล็ดทับทิม 1 กำมือยังช่วยยับยั้งการสะสมไขมันได้เป็นอย่างดี

19. ดื่มน้ำผสมน้ำมันสะระแหน่เพิ่มความอึด แค่ดื่มทุกวันเป็นเวลา 10 วัน คุณก็จะบริหารร่างกายในยิมได้หนักขึ้น และเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นถึง 2 เท่า

20. อย่ากลัวไขมันดีๆ จากปลาหรือธัญพืชต่างๆ เพราะนี่คือพระเอกที่จะช่วยลดไขมันร้ายๆ ให้คุณได้ สุดท้ายนี้...ลองกินอบเชยสัก 1 เม็ดก่อนอาหาร ถ้าอยากชะลออัตราการย่อยและรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเพื่อควบคุมความอยากอาหารนะคะ -