ท่าบริหารข้อมือ


          ท่าบริหารข้อมือง่าย ๆ ที่จะพาเราห่างไกลโรคพังผืดทับเส้นประสาท คนเล่นคอมพ์นาน คลิกเม้าส์บ่อย จิ้มหน้าจอรัว ๆ ควรทำเป็นประจำ

          ข้อมือเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเกิดพังผืดได้ง่าย โดยเฉพาะกับคนที่ใช้มือในลักษณะเดิม ๆ เป็นเวลานาน รวมถึงทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันแบบซ้ำไปซ้ำมา อย่างเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน เคสนี้ก็เสี่ยงต่อโรคพังผืดทับเส้นประสาทหนักมากเลยนะขอบอก งั้นเอาเป็นว่าก่อนจะต้องมาป่วยด้วยโรคที่แสนทรมานข้อมือแบบนี้ เรามาทำ 7 ท่าบริหารมือง่าย ๆ เพื่อเป็นการป้องกันโรคในเบื้องต้นก่อนดีกว่า
 

ท่าบริหารข้อมือ


          1. หมุนข้อมือตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกา สลับกันไปมาให้ครบข้างละ 10 ครั้ง

          2. แบมือและกำมือ ข้างละ 10 วินาที

          3. ค่อย ๆ ดึงนิ้วมือทั้ง 5 นิ้วเบา ๆ ให้ครบทุกนิ้ว ทำทั้งหมด 4 เซต จากนั้นสลับทำอีกข้าง เสร็จแล้วให้คลึงและโยกนิ้วมือเป็นวงกลม ทีละนิ้วจนครบทุกนิ้ว ข้างละ 4 เซต

          4. เหยียดแขนตรง กำมือหลวม ๆ จากนั้นบิดข้อมือออกไปด้านข้าง (ดังภาพ) คืนสู่ท่าเริ่มต้น แล้วทำซ้ำข้างละ 5 วินาที ทั้งหมด 2 เซต

          5. เหยียดแขนข้างหนึ่งให้ตรง จากนั้นสอดแขนอีกข้างไปคลึงนิ้วโป้ง แล้วค่อย ๆ ดึงนิ้วโป้งเข้าหาตัวอย่างช้า ๆ ทำข้างละ 5 วินาที

          6. สะบัดข้อมือไปเรื่อย ๆ ให้ครบ 10 วินาที

          7. พนมมือไว้ที่หน้าอก แล้วค่อย ๆ ลดระดับมือลงมาที่ท้อง จากนั้นเลื่อนมือกลับขึ้นไปยังจุดเริ่มต้น ทำซ้ำนาน 10 วินาที

 

ท่าบริหารข้อมือ


          อย่างไรก็ตามการป้องกันการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อมือ ซึ่งอาจชักนำไปสู่โรคพังผืดทับเส้นประสาท ควรเริ่มจากการปรับวิธีการใช้งานของข้อมือ หรือคนที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ควรปรับเปลี่ยนลักษณะการนั่งทำงานให้เหมาะสม ดังข้อแนะนำต่อไปนี้

          1. วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากตัว และพอดีกับช่วงแขน จับเม้าส์และคีย์บอร์ดสบาย ๆ ไม่เหยียดหรืองอข้อมือตลอดเวลา 
 
          2. จัดท่าทางขณะพิมพ์คีย์บอร์ดให้ทั้งท่อนแขน วางอยู่ในแนวขนานกับพื้น
 
          3. ใช้แผ่นรองข้อมือนุ่ม ๆ มารองที่ข้อมือขณะใช้เม้าส์ 

          4. ขณะใช้คอมพิวเตอร์ ควรผ่อนคลายอิริยาบถทุก ๆ 15-20 นาที

          ทว่าหากดูแลตัวเองในเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น อาการเจ็บปวดที่ข้อมือยังเป็นอยู่ เคสนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์นะคะ

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

health.kapook
healthline
webmd
askergoworks