Rest Your Brain
เมื่อรู้สึกว่าสมองเริ่มล้า ให้พักสมองด้วยการอยู่เงียบๆ ไม่มีสิ่งรบกวนประมาณ 15-30 นาที วิธีนี้ Sandra Chapman นักประสาทวิทยาและผู้ก่อตั้ง The Center for BrainHealth ในแดลลัส รัฐเทกซัส อธิบายว่า “เปรียบเสมือนการรีเซตการทำงานของสมอง ช่วยลดความรู้สึกเหนื่อยล้าได้ หากในออฟฟิศไม่มีมุมเงียบๆ ให้เราปลีกตัว แค่ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ ใส่หูฟังที่ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอก แล้วหลับตานิ่งๆ สักพัก เมื่อสมองไร้สิ่งกระตุ้นเร้าจะทำให้เรารู้สึกสงบและมีสมาธิมากขึ้น”

Roll Your Eyes
สาวออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์แทบทั้งวันมักจะรู้สึกปวดกระบอกตา ปวดหัว ตามมาด้วยอาการเหนื่อยล้าเพราะเส้นประสาทของตาและสมองนั้นเชื่อมถึงกัน ดังนั้นทุกๆ 20 นาทีควรพักสายตาประมาณ 20 วินาทีด้วยการมองสิ่งที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 10 เมตร หรือมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา การหลับตาลงสักครู่แล้วกลอกตาไปมาเบาๆ ก็ช่วยได้เช่นกัน

Adjust Your Monitor
การปรับระยะห่างและองศาของจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานให้อยู่ในระดับที่พอดีสายตาช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อคอได้ โดยควรให้จออยู่ห่างจากสายตาประมาณ 33-59 เซนติเมตร และจุดกึ่งกลางของหน้าจอควรทำมุมต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา รวมทั้งควรปรับขนาดของตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจอให้พอดี อ่านง่าย ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป

Enjoy the Early Morning Light
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าเปี่ยมไปด้วยวิตามินดีที่ช่วยปรับอารมณ์ของเราให้สดใสและมีพลังไปตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงเวลา 7.00-9.00 น. ที่แดดยังไม่แรงมาก จะวิ่งหรือเดินก็ได้สัก 30 นาที แต่ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ระหว่างเดินทางไปทำงานพยายามลดการใช้พาหนะเปลี่ยนเป็นเดินรับแสงแดดยามเช้าก็ได้

Add Good Scents
ผลการทดลองจากมหาวิทยาลัย Sam Houston State ประเทศอังกฤษพบว่ากลิ่นโรสแมรี่ ซิตรัส และมินต์ช่วยกระตุ้นความสดชื่นและพลังงาน ลองทาผิวกายในตอนเช้าด้วยบอดี้โลชั่นกลิ่นส้ม แล้วทาลิปบาล์มหรือแฮนด์ครีมกลิ่นมินต์ระหว่างวัน หรือฉีดสเปรย์กลิ่นโรสแมรี่บริเวณโต๊ะทำงาน จะรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที

Change Your Coffee Drinking Time
คอกาแฟฟังทางนี้ มีผลการทดลองเปรียบเทียบให้เห็นว่าการดื่มกาแฟในช่วงเวลาประมาณ 8.00-9.00 น. ไม่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นนานเท่ากับดื่มตอน 9.30-11.30 น. เพราะตอน 8.00-9.00 น.นั้นระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกายจะสูงที่สุดของวัน ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าตามธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรดื่มเมื่อระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลเริ่มลดลงซึ่งจะไปช่วยให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลอยู่ในระดับคงที่ ทำให้รู้สึกสดชื่นต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนช่วงที่เหมาะกับการดื่มกาแฟในตอนบ่ายคือ 14.00-17.00 น.

Create Your Music Playlist
ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Sam Houston State รัฐเทกซัสพบว่า นอกจากการฟังเพลงจังหวะสนุกๆ จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นแล้ว หากเราดีดนิ้วไปตามจังหวะเพลงหรือร้องคลอไปด้วยจะยิ่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก แต่หากทำในออฟฟิศไม่สะดวก การฟังเพลงบรรเลงคลาสสิกในจังหวะสดใสอย่าง Spring Concerto, The Four Seasons ของ Vivaldi ก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและลดความเหนื่อยล้าได้เหมือนกัน

Get Some Fresh Air
ห้องปรับอากาศในออฟฟิศส่วนใหญ่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศยิ่งทำให้ง่วงและเหนื่อย ลองเดินออกไปสูดอากาศด้านนอกที่มีต้นไม้เยอะๆ บ้างเพราะออกซิเจนจากต้นไม้จะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้น โชคดีที่ออฟฟิศยุคใหม่เดี๋ยวนี้มักทำสวนหย่อมเล็กๆ ไว้ให้พนักงานได้นั่งผ่อน-คลาย สูดอากาศบริสุทธิ์ แต่ถ้าออฟฟิศไหนไม่มีก็หาต้นไม้ต้นเล็กๆ มาวางบนโต๊ะทำงานให้ช่วยดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเปิดพัดลมตั้งโต๊ะขนาดเล็กให้อากาศรอบๆ ตัวเกิดการหมุนเวียน ก็ช่วยได้เช่นกัน

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.vogue.co.th/

เนื้อหาโดย : Vogue Thailand