ป็นสูตรลดน้ำหนักที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วว่า การกินเม็ดแมงลักแช่น้ำให้พองๆ แทนมื้ออาหารจะทำให้ลดน้ำหนักได้ ซึ่งสูตรลดน้ำหนักนี้เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยลองมาบ้างแล้ว แต่ถ้าถามว่ามันใช้ได้ผลจริงไหม ทำไมจึงได้ผล และจะมีผลข้างเคียงในการลดน้ำหนักหรือไม่ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเม็ดแมงลักกันให้มากขึ้นครับ

เม็ดแมงลักคืออะไร?

เม็ดแมงลักมาจากต้นแมงลักครับ ต้นแมงลักนั้นเป็นพืชล้มลุกคล้ายๆ กับต้นกะเพรา หรือ โหระพาที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่ต้นแมงลักจะมีใบเล็ก สีอ่อน และบอบบางกว่าต้นกะเพราหรือโหระพานั้นเอง

คนไทยนำเอาใบแมงลักมาเป็นผักใส่ในอาหารไทยหลายรายการโดยเฉพาะนำมาทานคู่กับขนมจีนน้ำยาต่างๆ หรือใส่ในแกง นอกจากนั้นยังมีการนำเม็ดแมงลักมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมอื่นๆ อีกด้วย

เม็ดแมงลักมีสารอะไรถึงทำให้ลดน้ำหนักได้?

ในเม็ดแมงลัก 100 กรัมจะมีโปรตีน 3.8 กรัม มีสารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม, บีตา-แคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีผลอย่างมากในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย รวมถึงวิตามินบี วิตามินซีและสารอาหารอีกหลายชนิด

แต่ในขณะเดียวกันเม็ดแมงลักกลับให้พลังงานต่อร่างกายเพียงแค่ 0.03 กิโลแคลอรี่ แต่กลับสามารถพองตัวเมื่อเราทานเข้าไป ทำให้ร่างกายย่อยนานกว่า ได้สารอาหาร และพลังงานต่ำ จึงทำให้คนที่กินเม็ดแมงลักอย่างถูกวิธีจะสามารถลดความอยากกินจุกจิก หรืออาการหิวบ่อยๆ ในระหว่างมื้อได้เป็นอย่างดี ทำให้ในระยะยาวสามารถลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น

นอกจากนั้นเม็ดแมงลักยังทำหน้าที่เป็นยาระบายอ่อนๆ สามารถช่วยทำความสะอาดผนังลำไส้ได้ แต่สำหรับบางคนที่กินเม็ดแมงลักกลับมีปัญหาท้องผูก เนื่องจากกินเม็ดแมงลักผิดวิธีนั้นเอง

กินเม็ดแมงลักแล้วทำให้ลดน้ำหนักได้จริงหรือ?

ตัวเม็ดแมงลักเองไม่สามารถทำให้ไขมันเก่าที่สะสมไว้สลายไปได้ แต่คุณสมบัติที่เด่นของมันคือ ให้พลังงานต่ำ กินแล้วอิ่มนาน มีสารอาหารอื่นๆ เสริม กินง่ายและราคาถูก

การนำเม็ดแมงลักมาใช้ในการลดน้ำหนัก จึงใช้หลักการที่มันสามารถพองตัวได้ กินแล้วอิ่มนาน ทำให้หลายคนเอามาทดแทนอาหารมื้อเย็น ซึ่งคนที่อ้วนมักจะกินมื้อเย็นเยอะ หรือกินตอนดึกๆ การกินเม็ดแมงลักในมื้อเย็นทานอาหารเย็น นอกจากจะได้พลังงานที่ต่ำแล้ว ยังอิ่มนานอยู่ท้องไม่ต่างกับการกินอาหารปกติด้วย เมื่อเราอิ่มก็จะไม่อยากกินขนมจุกจิกหรืออาหารอย่างอื่น ทำให้เราได้พลังงานจากอาหารต่างๆ ที่กินเข้าไปตลอดทั้งวันลดลงอย่างน้อยก็ 300-500 กิโลแคลอรี่ (ปกติอาหารหนึ่งมื้อร่างกายจะได้พลังงานประมาณ 300-500 กิโลแคลอรี่ ขึ้นอยู่กับเมนูอาหาร)เมื่อเราได้พลังงานน้อยกว่าที่ต้องใช้จริงในแต่ละวัน ร่างกายจะดึงไขมันสะสมที่มีอยู่ตามร่างกายมาเผาผลาญเป็นพลังงานทดแทน ทำให้คนที่กินเม็ดแมงลักแทนมื้ออาหารเย็นต่อเนื่องกัน จะสามารถค่อยๆ ลดน้ำหนักลงได้อย่างช้าๆ โดยที่ไม่ต้องไปหักโหมออกกำลังกายใดๆ

สูตรการกินเม็ดแมงลักเพื่อลดน้ำหนักให้ได้ผล

แนะนำว่าควรกินมื้อเย็น โดยใช้เม็ดแมงลักเพียง 1-2 ช้อนชา ต่อน้ำ 250 ซึซี (น้ำ 1 แก้วใหญ่) แช่เม็ดแมงลักไว้ประมาณ 30 นาที เมื่อเวลาผ่านไป จะเห็นว่าเม็ดแมงลักพองตัวมากขึ้น เวลากินก็ดื่มและกินเม็ดแมงลักที่พองแล้วเข้าไป

กรณีที่รู้สึกว่าแช่น้ำเปล่าแล้วไม่อร่อย สามารถเปลี่ยนจากน้ำเปล่าเป็นน้ำขิง หรือน้ำสมุนไพร (ไม่ใส่น้ำตาล) อย่างอื่นก็ได้เช่นกัน

กินเม็ดแมงลักนานแค่ไหนถึงจะเห็นผลลดน้ำหนักได้?

อย่างที่บอกไปแล้วว่า เม็ดแมงลักไม่สามารถเผาผลาญไขมันเก่าที่สะสมตามร่างกายได้ ตัวที่จะเผาผลาญไขมันเก่าคือร่างกายของเราเอง เม็ดแมงลักเป็นตัวช่วยให้เราไม่หิวและเผลอกินอาหารเข้าไปมากเกินกว่าความจำเป็นของร่างกาย

ดังนั้นเราไม่สามารถระบุวัน หรือจำนวนสัปดาห์ในการกินเม็ดแมงลักให้เห็นผลได้ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว 1 เดือนจะเห็นผลเรื่องน้ำหนักตัวและสัดส่วน ตามกลไกธรรมชาติของการลดน้ำหนักแล้ว หากเรากินน้อยกว่าที่ต้องใช้ในแต่ละวัน ภายใน 1 เดือนน้ำหนักตัวจะปรับลดลงประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือนโดยที่ร่างกายไม่โทรมหรือเหี่ยวก่อนวัยอันควร

กินเม็ดแมงลักเพื่อลดความอ้วนอันตรายไหม?

ทุกสิ่งทุกอย่างหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะส่งผลไม่ดีได้ การกินเม็ดแมงลักเพื่อหวังผลในการลดน้ำหนักนั้น หลายคนเลือกใช้ผิดวิธี บางคนใช้สัดส่วนที่ผิด ทำให้กินแล้วไม่ได้ผล ในขณะที่บางคนกินแล้วแต่กินน้ำน้อย ทำให้ท้องอืดมากกว่าเดิม

อันตรายจากการกินเม็ดแมงลักนั้น ยังไม่มีการระบุว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ผลข้างเคียงของหลายคนที่กินเม็ดแมงลักเพื่อลดความอ้วนก็คือ อาการท้องอืด (เพราะใส่เม็ดแมงลักเยอะเกินไป ใส่น้ำน้อยเกิน) โดยอาการเหล่านี้จะหายไปหากเราปรับลดจำนวนในการกินลงให้ถูกต้อง

 

ที่มา : http://www.wecandiet.com/diet-tip/lose-weight-with-thai-lemon-basil.html